Home Lifestyle “เปอร์สเปกทิฟ” ล้วงลึกชีวิตนักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติ ผู้คว้าตั๋วไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกคนแรกของไทย พร้อมคว้าตำแหน่งท็อปเท็น นักกีฬาที่มีอายุมากที่สุดจากทั่วโลก

“เปอร์สเปกทิฟ” ล้วงลึกชีวิตนักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติ ผู้คว้าตั๋วไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกคนแรกของไทย พร้อมคว้าตำแหน่งท็อปเท็น นักกีฬาที่มีอายุมากที่สุดจากทั่วโลก

0
“เปอร์สเปกทิฟ” ล้วงลึกชีวิตนักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติ ผู้คว้าตั๋วไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกคนแรกของไทย           พร้อมคว้าตำแหน่งท็อปเท็น นักกีฬาที่มีอายุมากที่สุดจากทั่วโลก
คุณแซม – เศวต เศรษฐาภรณ์

รายการ “เปอร์สเปกทิฟ” สัปดาห์นี้พาไปพบกับ “คุณแซม – เศวต เศรษฐาภรณ์” นักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติไทยชายคนแรกที่คว้าตั๋วในการไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นที่ผ่านมา ด้วยวัย  58 ปี                        จนถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของนักกีฬาจากทั่วโลกที่มีอายุมากที่สุด ในการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย  และยังเป็นตัวแทน         ทัพนักกีฬาไทย ในการถือธงไตรรงค์ในพิธีเปิดการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ วันนี้พิธีกรหนุ่ม “เปอร์-สุวิกรม” จะพาไปเจาะลึกถึงชีวิตที่หลายคนอาจจะรู้จักเขาในฐานะนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย  แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิตเขายังเป็นผู้บริหารธุรกิจผู้ผลิตและส่งออกถุงเท้ารายใหญ่ของประเทศ อย่างบริษัท เอลต้า จำกัด อีกด้วย! มาร่วมค้นหาเคล็ดลับในการจัดการระเบียบชีวิต ให้ประสบความสำเร็จในทุกบทบาทที่ได้รับมอบหมาย  ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ห้ามพลาดชม                       ในรายการ “เปอร์สเปกทิฟ” คืนวันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน 2564 เวลา 22.00 น. ทางช่อง 9 MCOT HD และFacebook Premiere #PerspectiveTV

โดย “คุณแซม – เศวต เศรษฐาภรณ์” เปิดเผยว่า “สำหรับใครที่มีความฝันอยากจะเป็นนักกีฬา จะไม่มีคำว่าสายเกินไป การที่ผมได้มาเป็นนักกีฬายิงเป้าบินก็อายุ 50 กว่า ผมไม่เคยยอมแพ้เลย และอายุก็ไม่ใช่อุปสรรค  การที่เราเป็นผู้ใหญ่ การวางแผน หน้าที่ความรับผิดชอบ และก็การตั้งเป้าหมาย  ผมทำได้สำเร็จมากกว่าตอนเป็นเด็ก ถ้ากลับไป ตอนที่ผมเป็นเด็ก ๆ ก็จะไปลองผิดลองถูก  ไม่มีจุดมุ่งมั่น แต่การที่เราผ่านชั่วโมงบินมาเยอะ เราจะมีความรอบคอบ การวางแผน  มีแผนสำรอง เราก็นำมาใช้ในเรื่องของการยิงเป้าบิน ว่าเราจะมีจุดหมายอย่างไร ตอนที่ผมแข่ง ผมคิดว่าเราทำให้ดีที่สุด มีการตั้งเป้าทุกครั้ง หลังจากยิงเสร็จ ก็กลับไปนั่งนิ่ง ๆ                  นำสมุดมาจด  ว่าสิ่งที่ได้ทำวันนี้คืออะไร  และทำไปแล้ว    ผลคืออะไร ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่รับใช้ชาติมา           สิ่งแรกที่ผมจะไม่ทำเลยก็คือออกสื่อ ทุกครั้งที่จะมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ผมจะบอกเลยไม่สัมภาษณ์ หรือจะมาแอบถ่ายตอนผมยิงปืน คุณต้องไปแอบถ่ายตรงพุ่มไม้ เพราะช่วงนั้นผมอยู่ในแผนฟื้นฟูบริษัท การที่เราไปซ้อมกีฬายิงปืน เจ้าหนี้จะมองว่า ตัวเองยังเอาไม่ไหว ยังมาเล่นกีฬาชั้นสูง ซึ่งช่วงนั้นผมจะไม่ออกสื่อเลย ลูกน้องที่บริษัทไม่มีใครรู้  เพิ่งจะมารู้ตอนที่ผมได้โควตาไปโอลิมปิก พอมีข่าวออกว่าผมเป็นนักกีฬายิงเป้าบินชายคนแรกในประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก พอผมเดินขึ้นมาสิ่งที่ผมตกใจและภูมิใจคือ ทุกคนเดินมาหาและ                         เอาดอกกุหลาบมาให้ผม ปกติที่นี่เขาว่าผมเป็นคนดุ  ผมเลยขอขอบคุณทุกคนในช่วงที่ผมไปแข่งนะครับ                  จากนั้นก็เลยเริ่มออกสื่อ ผมบอกกับภรรยาเลยว่า รายการที่ผมอยากออกคือรายการเปอร์สเปกทิฟ เป็นรายการที่ผมติดตามมาโดยตลอด เป็นรายการที่ทำให้เรา สามารถที่จะเปลี่ยนมุมมอง และทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปในวันรุ่งขึ้น ขอบคุณที่ให้ผมได้มาแชร์ประสบการณ์และมุมมองในวันนี้ ผมอยากให้คนไทยลุกขึ้นมาคิด และทำตามความฝัน ทุกคนมีต้นทุนเท่ากันคือความฝัน เราฝันอยากจะเป็นอะไร เราฝันได้ แต่วันรุ่งขึ้นเราตื่นขึ้นมา เราจะทำให้มันเป็นจริงได้ เราต้องลุกขึ้นมาทำ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้”