โรโบเวลธ์กรุ๊ป ผู้นำในการให้บริการด้านการลงทุน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Wealth Tech ได้คิดค้นและพัฒนาแอปพลิเคชัน “Madini” เพื่อเป็นผู้ช่วยให้กับที่ปรึกษาการลงทุน ด้วยงบประมาณด้าน R&D ประมาณ 40 ล้านบาท คาดหวังให้ Madini ช่วยที่ปรึกษาการลงทุนอิสระให้สามารถดูแลลูกค้าด้วยเครื่องมือที่ทัดเทียมกับระบบของ Private Banking ชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อรองรับทิศทางการเติบโตของจำนวนนักลงทุนไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 25% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (อ้างอิงข้อมูลจำนวนนักลงทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท โรโบเวลธ์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ด้านการดูแลลูกค้ากลุ่ม High Net-worth ฝ่าวิกฤตใหญ่มาสองครั้งในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา และการวิเคราะห์ความต้องการของที่ปรึกษาทางการลงทุนในยุคปัจจุบัน พบว่าในแต่ละวัน ที่ปรึกษาการลงทุน มีหลายเรื่องที่ต้องดูแลจัดการตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามข่าวสาร การทำนัดหมายกับลูกค้า การจัดการกับเอกสารเปิดบัญชี การแนะนำพอร์ตการลงทุน การทำรายการซื้อขาย ตลอดจนการติดตามผลการลงทุน และการปรับพอร์ตให้ทันต่อสถานการณ์ ประกอบกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้การดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึงนั้นต้องใช้เวลาที่สูงมาก
โรโบเวลธ์จึงเห็นโอกาสในการสร้างเครื่องมือเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับที่ปรึกษาการลงทุน และดำเนินการพัฒนา Madini ให้เป็นแอปที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ พร้อมกับแก้ไข Pain Point ของที่ปรึกษาการลงทุนได้ โดยโรโบเวลธ์ ได้ต่อยอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนา Robo-advisor มาพัฒนาแอปนี้โดยตรง ภายในแอปจะมี Feature การนำเสนอพอร์ตการลงทุนในรูปแบบ Asset Allocation และรายชื่อกองทุนรวมที่เหมาะสม ซึ่งได้รับการ Update เป็นประจำให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดในขณะนั้น นอกจากนี้ที่ปรึกษาการลงทุนสามารถเปิดบัญชีให้ลูกค้าได้ทันทีผ่าน Madini พร้อมทั้งเลือกพอร์ตการลงทุนสำเร็จรูปที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และความสามารถในการรับความเสี่ยงของลูกค้า โดยมี Robo-advisor ทำหน้าที่ปรับพอร์ตให้กับลูกค้าแบบอัตโนมัติ หรือที่ปรึกษาการลงทุนจะเลือกแก้ไขแผนการลงทุนบางส่วนเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยที่ข้อมูลจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยบนระบบ Google Cloud ซึ่งสามารถขยายเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าและที่ปรึกษาการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชูจุดแข็ง Madini ด้วยฟังก์ชันที่ดึงเอาความสามารถของ Smart Device ออกมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยที่ปรึกษาการลงทุนสามารถสร้างแผนการทำงานในแต่ละวันให้กับตัวเองในรูปแบบ To-do List ซึ่งสามารถบันทึก Location ของที่อยู่ในการเข้าพบลูกค้าได้ เพื่อประมาณเวลาที่ต้องใช้และกำหนดแผนการเดินทางให้เหมาะสม (ด้วยเหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัว ที่ปรึกษาการลงทุนสามารถเลือกที่จะไม่ใช้งาน Feature ดังกล่าวได้) ในส่วนการเปิดบัญชีนั้น ที่ปรึกษาการลงทุนสามารถเปิดบัญชีให้ลูกค้าได้อย่างสะดวกด้วยการ Dip Chip บัตรประชาชนกับ Dongle ที่เชื่อมต่อกับ iPad หรือ Android Tablet ได้ทันที ซึ่ง Madini จะสามารถยืนยันตัวตนลูกค้า ด้วยการตรวจสอบกับระบบ DOPA ของกรมการปกครอง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและเป็นการลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลบนบัตรประชาชนซ้ำไปซ้ำมาอีกด้วย หลังจากเปิดบัญชีสำเร็จลูกค้าจะสามารถใช้งาน Madini Client Version เพื่อติดตามผลการลงทุนได้อย่างสะดวกผ่าน Smart Phone โดยข้อมูลจะถูก Sync แบบ Real-time กับ Madini Advisor Version ซึ่งที่ปรึกษาการลงทุนใช้งานอยู่ สำหรับความปลอดภัยเรื่องการทำธุรกรรมซื้อขายนั้น ที่ปรึกษาการลงทุนต้อง Login ผ่านระบบ Madini พร้อมทั้งกรอก Pin Code ส่วนตัวก่อนการทำธุรกรรม จากนั้นระบบจะแจ้งเตือนไปยังลูกค้าผ่านทาง Madini Client Version เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและอนุมัติรายการได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย นอกจากนี้โรโบเวลธ์ยังตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าและที่ปรึกษาการลงทุนเป็นอย่างมาก จึงออกแบบโครงสร้างของ Madini ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และได้มีการแต่งตั้ง DPO (Data Protection Officer) เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการ PDPA ภายใน 72 ชั่วโมง ในกรณีที่เกิด Data Breach อีกด้วย
นายชลเดช เขมะรัตนา กล่าวปิดท้ายว่า โรโบเวลธ์ให้ความสำคัญกับโครงการ Madini เป็นอย่างมาก จึงได้จัดสรรงบประมาณ R&D เบื้องต้นที่ 40 ล้านบาท สำหรับแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของที่ปรึกษาการลงทุนโดยเฉพาะ ปัจจุบันอยู่ในช่วงทดสอบการใช้งานภายในบริษัท และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้ที่ปรึกษาการลงทุนอิสระได้ใช้งานในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งโรโบเวลธ์มีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการขยายขอบเขตความสามารถของ Madini และจะ Release Version ใหม่ในทุก 3 เดือน เพื่อตอบสนองความต้องการของที่ปรึกษาการลงทุนและลูกค้าจากการใช้งานจริง โดยตั้งเป้าให้ Madini ช่วยผลักดันให้ภายในสิ้นปี 64 มี AuM เพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาท จากกลุ่มที่ปรึกษาการลงทุนอิสระ (IIP: Independent Investment Planner) พร้อมกับแผนการก่อตั้ง Club สำหรับที่ปรึกษาการลงทุนโดยเฉพาะ เพื่อรองรับการขยายตัวของสายอาชีพดังกล่าว