ใบรับรองวัคซีนดิจิทัลหรือที่รู้จักกันในชื่อวัคซีนพาสปอร์ต ถือเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาใหม่ที่มีความเป็นไปได้ในการสนับสนุนธุรกิจให้กลับมาดำเนินต่อและให้สังคมกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอีกครั้งทั่วประเทศและทั่วโลก นอกจากช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระลอกใหม่แล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสและความสะดวกในการส่งบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วกลับมายังสถานที่กักตัว เช่น สถานที่ทำงาน และประเทศที่เปิดให้เดินทางระหว่างประเทศ
ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมากลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและสุขภาพขนาดใหญ่หลายแห่งได้ร่วมมือกันเปิดตัว “โครงการหนังสือรับรองประวัติการรับวัคซีน (The Vaccine Credential Initiative)” เพื่อสร้างระบบการจัดเก็บข้อมูลและเรียกดูบันทึกการรับวัคซีนแบบดิจิทัล ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้เปิดตัวคณะทำงานด้านสุขภาพดิจิทัลเพื่อพัฒนากรอบการทำงานและมาตรฐานใบรับรองวัคซีนดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับโรคไข้เหลืองและโควิด-19 เพื่อปูทางไปสู่การเพิ่มการรับรองการรับวัคซีนประเภทอื่น ๆ ในภายหลัง
ความพยายามอย่างหนักจากทุกภาคส่วนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาวัคซีนพาสปอร์ตให้เกิดขึ้นจริง แม้จะยังมีคำถามสำคัญหลายประการ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ แหล่งที่มาและการตรวจสอบข้อมูล รวมถึงคำจำกัดความของภูมิคุ้มกันในกลุ่มของพวกเขา
ความไม่แน่นอนของวัคซีนพาสปอร์ต
การนำวัคซีนพาสปอร์ตมาใช้ในวงกว้างมีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมาย องค์กรภาคเอกชนและภาครัฐต้องทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียเช่นเดียวกับคำมั่นสัญญา จึงจะสามารถวางแผนการนำมาใช้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10 คำถามสำคัญที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรวมถึงผู้กำหนดนโยบายของรัฐหรือองค์กรควรร่วมค้นหาคำตอบ
• การกำหนดมาตรฐาน- ใครจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน? ทั่วโลกจะมีหลายมาตรฐานหรือไม่? กำหนดความหมายของภูมิคุ้มกันไว้อย่างไร?
• การนำมาใช้- ใบรับรองจะถูกนำมาใช้อย่างไร? ใช้กับการเดินทาง? การทำงาน? หรือ ความบันเทิง? โดยการใช้งานใบรับรองนี้จะผ่านการตรวจสอบทางกฏหมายด้วยหรือไม่?
• การให้การยอมรับ- ใครจะยอมรับใบรับรองวัคซีนนั้นบ้าง? หากมีใบรับรองหลายแบบ จะมีใบรับรองไหนที่ได้รับการรับรองในวงกว้างมากกว่าใบรับรองอื่น ๆ ?
• การเห็นด้วย- ประชาชนจะใช้ใบรับรองเหล่านี้ด้วยหรือไม่? ใบรับรองจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไหม?
• การให้ความเสมอภาค- ประชาชนจะสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลดิจิทัลส่วนตัวได้ด้วยไหม? ใบรับรองจะทำให้เกิดการตีตราทางสังคมหรือเกิดการแบ่งแยกทางดิจิทัลที่รุนแรงขึ้นหรือไม่?
• การกำกับดูแล- ใครจะเป็นผู้ดูแลระบบและข้อมูล? ความเป็นส่วนตัวจะได้รับการคุ้มครองอย่างไร? การปลอมแปลงเอกสารจะถูกค้นพบและจัดการอย่างไร?
• การนำมาใช้ประโยชน์หลากหลาย- ใบรับรองจะมีวันหมดอายุไหมหากวัคซีนมีผลในระยะเวลาจำกัด? ใบรับรองควรต้องมีข้อมูลภูมิคุ้มกันสำหรับสายพันธ์อื่น ๆ ด้วยหรือไม่? ความแตกต่างของกลุ่มบุคคลจะทำให้การแสดงผลประสิทธิภาพของวัคซีนต่างกันไหม?
• การตรวจสอบและพิสูจน์- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันจะได้รับการตรวจสอบอย่างไร? ใครจะเข้าถึงบันทึกการฉีดวัคซีนได้บ้าง? จะยืนยันความถูกต้องของข้อมูลนั้นอย่างไร?
• การนำระบบโครงสร้างพื้นฐานมาใช้ – โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วสามารถจัดการข้อมูลและความต้องการด้านความปลอดภัยของใบรับรองดิจิทัลได้หรือไม่? จะควบรวมระบบหรือโครงสร้างเหล่านี้และทำงานร่วมกันได้หรือไม่?
• ผลที่อาจเกิดตามมาโดยไม่ตั้งใจ- ใบรับรองดิจิทัลจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจในวัคซีนเพิ่มขึ้นไหม? จะเป็นการเพิ่มขั้นตอนการรับวัคซีนหรือไม่? จะกลายเป็นแรงจูงใจให้ผู้คนไม่ดูแลตัวเองปล่อยให้ติดเชื้อเพื่อให้ได้ใบรับรองหรือไม่?
สิ่งที่สังคมต้องไปให้ถึงเพื่อให้เกิดการใช้งานในวงกว้าง
หนทางที่ทำให้วัคซีนพาสปอร์ตใช้งานได้จริงนั้น การทำให้ผู้ใช้ยอมรับในวงกว้างต้องเกิดขึ้น ด้วยความท้าทายข้างต้นองค์กรที่กำลังพิจารณาการใช้วัคซีนพาสปอร์ตต้องเห็นด้วยในกรอบการกำกับดูแลที่อนุญาตการเข้าถึงสิทธิ์ ความเท่าเทียม การพิสูจน์ความถูกต้อง และแบ่งปันข้อมูลการรับวัคซีน
วัคซีนพาสปอร์ตดิจิทัลในระดับสูงจะต้องเปิดใช้งานบันทึกการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามความยินยอมเพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีที่ปลอดภัยตรวจสอบได้และรักษาความเป็นส่วนตัว และต้องสามารถทำงานข้ามองค์กรและข้ามเขตพรมแดนได้ นอกจากนี้ยังต้องสร้างขึ้นบนมาตรฐานสากล มีความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายอำนาจ ในแง่ของข้อมูลที่ได้มาต้องมีการกำหนดมาตรฐานข้อมูล การจัดรูปแบบและการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งสำคัญ
แม้ว่าจะยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับวัคซีนพาสปอร์ต แต่ก็ดูเหมือนเป็นแนวโน้มที่ดี แอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้ให้ความช่วยเหลือสำคัญในการจัดการกับสถานการณ์เร่งด่วนทั่วโลกที่เกิดจากการแพร่ระบาด อีกไม่นานการตรวจสอบเทคโนโลยีนี้จะแจ้งให้ทราบถึงแผนและกลยุทธ์ขององค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำวัคซีนพาสปอร์ตมาใช้ประโยชน์เพื่อการฟื้นคืนกลับสู่สภาวะปกติ
เกี่ยวกับผู้เขียน
ดร. ชารอน ฮักเคนเนส นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ ให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอให้คำแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางคลินิกและการจัดการการเปลี่ยนแปลง การพัฒนากลยุทธ์ การจัดการข้อมูล ข้อมูลและการวิเคราะห์ และการส่งมอบบริการที่ใช้ร่วมกันของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสภาพแววล้อมด้านการดูแลสุขภาพ
เกี่ยวกับ การ์ทเนอร์
บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) (NYSE: IT) คือบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก และมีรายชื่ออยู่ในดัชนี S&P 500 บริษัทฯ ให้ข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และเครื่องมือต่าง ๆ แก่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ เพื่อรองรับการดำเนินภารกิจสำคัญที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
การ์ทเนอร์นำเสนองานวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ และใช้แหล่งข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานจริง เพื่อชี้นำลูกค้าสำหรับการตัดสินใจที่ถูกต้องเหมาะสมในเรื่องที่สำคัญที่สุด การ์ทเนอร์ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นกลางและเป็นที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่าง ๆ กว่า 14,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทุกส่วนงานสำคัญ ๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและองค์กรทุกขนาด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของการ์ทเนอร์ในการช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจได้ที่ gartner.com