“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษแบบกลุ่มก้อน 7 เหตุการณ์ มีผู้ป่วยรวม 347 ราย โดยการระบาดที่มีผู้ป่วยมากที่สุด อยู่ในจังหวัดปัตตานี จำนวน 175 คน (ร้อยละ 50.4) ไม่มีผู้เสียชีวิต เกิดจากการรับประทานอาหารกลางวันของโรงเรียน อาหารสงสัยที่เป็นสาเหตุ ได้แก่ แกงส้มปลา ข้าวหมกไก่ ข้าวผัดไก่ และในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษแบบเป็นกลุ่มก้อน 1 เหตุการณ์ ในจังหวัดยโสธร มีผู้ป่วย 44 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่พบว่ารับประทานอาหารจากงานศพและงานบุญของหมู่บ้าน อาหารสงสัยที่เป็นสาเหตุ ได้แก่ เนื้อหมูดิบ ลาบวัวสุก ต้มจืด และสาคู”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น อาจทำให้อาหารบูดหรือเน่าเสียได้ง่าย ประกอบกับพฤติกรรมการทำอาหารที่อาจสุกไม่ทั่วถึงและไม่สะอาดเพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่ทิ้งไว้นอกตู้เย็นเป็นเวลานาน หรือทิ้งค้างไว้หลังปรุงเสร็จเป็นเวลานานโดยไม่ได้อุ่นร้อนหลังจาก 2 ชั่วโมง กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ อาหารที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นก่อนรับประทานทุกครั้ง เลือกบริโภคอาหาร น้ำดื่ม และน้ำแข็งที่สะอาด ไม่รับประทานอาหารที่ปรุงจากสัตว์หรือพืชที่มีพิษ เลือกซื้อวัตถุดิบที่สด สะอาดและมีคุณภาพ ควรใช้ช้อนกลางส่วนตัวเมื่อรับประทานร่วมกัน และก่อนหยิบจับอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
สำหรับผู้ประกอบอาหารต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและปรุงอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ เช่น ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ใช้หน้ากากอนามัยปิดจมูกและปาก สวมหมวกคลุมผม เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคไปสู่อาหาร โดยอาการของผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ จะคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำ ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ อาจมีไข้ร่วมด้วย ในรายที่มีอาการถ่ายอุจจาระมาก ผู้ป่วยอาจมีภาวะช็อกหมดสติได้ การช่วยเหลือเบื้องต้น ควรให้จิบสารละลายเกลือแร่ โอ อาร์ เอส บ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422