Home Technology Applied AI กุญแจสู่ความสำเร็จท่ามกลางความผันผวนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

Applied AI กุญแจสู่ความสำเร็จท่ามกลางความผันผวนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

0
Applied AI กุญแจสู่ความสำเร็จท่ามกลางความผันผวนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

บทความโดย เทอร์รี สมา, รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น, บริษัทอินฟอร์

เมื่อเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและราคาสินค้าที่สูงขึ้น บริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่มองการณ์ไกลต่างหันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโดยเฉพาะแมชชีนเลิร์นนิง (ML) มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพและลดต้นทุนในทุก ๆ ด้าน การลงทุนเพิ่มขึ้นในโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์ (Applied AI) ที่เป็นการนำ AI พื้นฐานต่าง ๆ มารวมเป็นระบบเพื่อตอบโจทย์ในธุรกิจและการใช้ ML จะช่วยให้บริษัทอาหารและครื่องดื่มลดของเสีย ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนและผันผวนได้ และที่สำคัญที่สุดคือ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ระบบคลาวด์จะได้เปรียบในการเริ่มต้นใช้ ML ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะข้อมูล การวิเคราะห์ และ ML ล้วนมีพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบ as a service แล้ว จากการที่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มยังคงศึกษาและลงทุนด้าน Applied AI เพิ่ม ทำให้ความสามารถในการโฮสต์และแสดงภาพข้อมูลบนระบบคลาวด์ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการระบุวิธีปรับปรุง การดำเนินงาน ลดค่าใช้จ่าย และลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด

การให้คำแนะนำด้านผลิตภัณฑ์ที่แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้นพร้อมกลยุทธ์การกำหนดราคาขาย เป็นวิธีหนึ่งที่ AI สามารถช่วยบริษัทอาหารและเครื่องดื่มได้ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและพลังงานในปัจจุบันทำให้บริษัทอาหารและเครื่องดื่มต้องตัดสินใจเรื่องข้อเสนอผลิตภัณฑ์และราคาที่เหมาะสมได้ตลอดเวลาเพื่อรักษายอดขายของบริษัทไว้ให้ได้

Zeelandia Group ธุรกิจด้านส่วนผสมเบเกอรี่ระดับโลกได้จัดการกับความท้าทายของต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และการขาดแคลนส่วนผสมเบเกอรี่ โดยการใช้โมเดล ML ที่ให้คำแนะนำด้านราคาและผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงสิ่งที่บรรดาลูกค้าร้านเบเกอรี่กำลังซื้อ Zeelandia Group สามารถเตรียมคำแนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าได้เร็วขึ้นถึง 83% โดยลดเวลาจาก 30 นาทีเหลือเพียง 5 นาทีผ่านการใช้ AI และการให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้เวลาน้อยลงนี้ ส่งผลให้พนักงานของ Zeelandia Group สามารถมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ทำให้ยอดการขายของลูกค้าหนึ่งรายต่อหนึ่งธุรกรรมเพิ่มสูงขึ้นด้วย

นอกจากนี้ บริษัทอาหารและเครื่องดื่มยังได้นำ AI และ ML มาปรับใช้ในด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้วย โดยหันมาใช้ ML เพื่อช่วยลดของเสียและระบุความด้อยประสิทธิภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในห่วงโซ่อุปทาน เช่น Amalthea ผู้ผลิตชีสนมแพะและชีสนมวัวออร์แกนิกชั้นนำระดับโลกที่เปลี่ยนมาใช้ Applied AI ทำให้บริษัทฯ คาดการณ์คุณภาพชีสได้แม่นยำมากขึ้น สามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงสุด สร้างความภักดีของลูกค้า และเพิ่มความยั่งยืนในการดำเนินงาน

ก่อนหน้านี้ Amalthea สามารถวิเคราะห์น้ำนมด้วยวีธีแบบแมนนวลได้เพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น ทำให้ยากต่อการปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์ที่ควบคุมกระบวนการเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด แต่ปัจจุบันนี้ Amalthea สามารถใช้ ML ดูผลผลิตได้ทันที อีกทั้งยังได้รับข้อมูลเชิงลึกโดยตรงเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ผลผลิตเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นช่วยให้ Amalthea ลดของเสียจากการผลิตโดยรวมได้ เพราะบริษัทสามารถระบุจุดบกพร่องได้อย่างรวดเร็วพร้อมปรับปรุงกระบวนการไปพร้อม ๆ กันได้ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการทำกำไรและผลกำไรของบริษัท เพราะ Amalthea คาดว่าจะประหยัดเงินได้ประมาณ 500,000 ยูโร สำหรับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1%

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นเรื่องของปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั่วโลกที่ยังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้ผลผลิตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มขาดตอน การขาดแคลนนี้อาจเกิดได้จากการที่แรงงานรุ่นใหม่มองหาโอกาสการจ้างงานตลอดชีวิตและอาชีพที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า มากกว่าการทำงานในโรงงานหรืองานบริการลูกค้า

แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการรักษาอุปทานท่ามกลางความต้องการที่สูงขึ้นนี้ทำให้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต้องลงทุนในเทคโนโลยี Industry 4.0 และระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตเพื่อชดเชยการขาดพนักงาน ดังจะเห็นได้จากการที่ธุรกิจต่าง ๆ ได้ใช้ AI ร่วมกับหุ่นยนต์เพื่อทำให้กระบวนการที่ต้องใช้สายตาและการตัดสินใจของมนุษย์มากเป็นไปโดยอัตโนมัติ เช่น กระบวนการคัดแยกขนาด, การคัดคุณภาพ, การตัดชิ้นและ การแล่ ยิ่งไปกว่านั้นการลงทุนและการใช้เทคโนโลยี Industry 4.0 ล่าสุดยังได้ดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถที่ต้องการใช้นวัตกรรมล่าสุดเพื่อปรับปรุงปัญหาด้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกให้ดีขึ้น เช่น การทำประมงอย่างยั่งยืน เป็นต้น

Nutreco บริษัทผลิตอาหารสัตว์ชั้นนำใช้เทคโนโลยี Industry 4.0 ล่าสุดสำหรับการเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) ในการเพาะเลี้ยงกุ้ง และประสบความสำเร็จในการเพิ่มวงจรการผลิตกุ้งที่มีสุขภาพดีขึ้นโดยใช้อาหารกุ้งน้อยลงถึง 30% ยิ่งไปกว่านั้น Nutreco ยังใช้เซ็นเซอร์เสียงในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสำหรับฟังเสียงและตรวจจับเวลาที่กุ้งหิว ทำให้ AI สามารถระบุเวลาและปริมาณอาหารที่ต้องให้โดยรวมได้ ช่วยลดปริมาณของเสียจากอาหารกุ้ง โดยให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของกุ้งเป็นอันดับแรก

การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม Applied AI จะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจเพื่อให้ทำงานได้ชาญฉลาดขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้น เห็นได้ชัดว่าการนำโซลูชัน ML มาใช้งาน ทำให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงความยั่งยืนได้ และพนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การมอบประสบการณ์ลูกค้ามากกว่างานที่ซ้ำซากจำเจ บริษัทอาหารและเครื่องดื่มไม่มีทางเลือกในการปรับตัวเมื่อต้องเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ Applied AI จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการสร้างผลกำไรทางธุรกิจท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเสียดฟ้า

รายงานจากศูนย์วิจัยกรุงศรีระบุว่า แนวโน้มที่สำคัญของโลก (Megatrend) สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้หลากหลายด้าน อาทิ การผลิต เศรษฐกิจ วิถีชีวิต สังคม ตลอดจนพฤติกรรม ดังนั้น การเข้าใจถึงเมกะเทรนด์หลักที่คาดว่าส่งผลต่ออุตสาหกรรมอาหารจะช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารของโลกในอนาคต โดยมี AI หรือปัญญาประดิษฐ์จัดอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีเมกะเทรนด์นี้ด้วย