Home Product “EYES CARE PLUS” ศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองชูสุดยอดนวัตกรรม IPL + LLLT รักษา “โรคตาแห้ง” โรคยอดฮิตของคนทั่วโลก

“EYES CARE PLUS” ศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองชูสุดยอดนวัตกรรม IPL + LLLT รักษา “โรคตาแห้ง” โรคยอดฮิตของคนทั่วโลก

0
“EYES CARE PLUS” ศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองชูสุดยอดนวัตกรรม IPL + LLLT รักษา “โรคตาแห้ง” โรคยอดฮิตของคนทั่วโลก

​“โรคตาแห้ง” กลายเป็นโรคที่มีคนไทยและคนทั่วโลกจำนวนมากกำลังประสบอยู่ โดยมีสาเหตุหลักมาจากมลภาวะและการใช้สายตากับหน้าจอมากเกินไป ทำให้ปัจจุบัน “โรคตาแห้ง” เป็นอีกหนึ่งโรคทางตาที่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกจุด “EYES CARE PLUS” ศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เล็งเห็นความสำคัญของการรักษาโรคตาแห้ง นำเข้านวัตกรรม IPL พร้อม Mask Eye (LLLT) เพื่อให้บริการคนไข้ที่มีปัญหา หวังช่วยคนไข้ให้มีดวงตาที่กลับมาสดใสอีกครั้งเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

รศ.นพ.อัมพร จงเสรีจิตต์ ผู้อำนายการศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเกี่ยวกับตามากขึ้น โดยอันดับ 1 ของโรคตา คือ ต้อกระจก อันดับ 2 คือ ต้อหิน พบมาในคนอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ต้อหินถือเป็นโรคทางตาที่อันตรายและสามารถทำให้ตาบอดถาวรได้ อันดับ 3 โรคจอประสาทตาเสื่อม และอันดับ 4 โรคตาแห้ง ซึ่งปัจจุบันคนไทยเป็นโรคนี้มากขึ้น
นพ.ดวงมนตรี โรจน์ดำรงรัตนา จักษุแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทาง โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง กล่าวถึงโรคตาแห้งว่า ด้วยสภาวะมลพิษทางอากาศ ทั้งฝุ่น PM 2.5 อากาศร้อนขึ้น รังสีต่างๆ จากแสงแดดแรงขึ้น รวมทั้งวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เล่นมือถือและใช้สายตาดูหน้าจอดิจิตอลต่างๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้เกิดอาการตาแห้งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การกินยาบางชนิดก็ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้งได้เช่นกัน จากสถิติมีคนไทย 1 ใน 3 ต้องเข้ารับการรักษาด้วยอาการจากโรคตาแห้ง
นอกจากมลพิษและการใช้สายตาที่มากเกินไปทำให้เกิดภาวะตาแห้งแล้ว อายุที่มากขึ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยสาเหตุมาจากปริมาณน้ำตาที่หล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื้นกับดวงตาเคลือบกระจกตาดำไม่พอ หรือมีคุณภาพไม่ดีจากต่อมไขมันอักเสบ ทำให้เกิดอาการแสบตา น้ำตาไหล ตาพร่ามัว ตาสู้แสงไม่ได้ เกิดอาการคันตา ขยี้ตาบ่อย ตาแดงเป็นๆ หายๆ ปวดตา น้ำตาไหล เคืองตาเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในตา ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง หากไม่รีบทำการรักษาจะมีอาการเรื้อรัง เสี่ยงเกิดการติดเชื้อและตาอักเสบได้
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะตาแห้ง คือ ต่อมไขมันอุดตันที่เปลือกตา ซึ่งต่อมไขมันนี้มีหน้าที่ผลิตน้ำตา เรียกว่า น้ำตาคงตัวที่ไม่ระเหยง่ายและทำให้ดวงตาชุ่มชื้นตลอดเวลา แต่หากต่อมไขมันนี้อุดตันเรื้อรังหรือเสื่อมสภาพ นอกจากจะทำให้น้ำตาคงตัวผลิตออกมาหล่อเลี้ยงดวงตาระเหยง่ายแล้ว ยังทำให้เกิดอาการติดเชื้อกลายเป็นเปลือกตาอักเสบหรือตากุ้งยิงในที่สุด
“โรคตาแห้งหลายคนอาจจะมองว่าไม่อันตราย จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่าโรคตาแห้งสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ อีกหลายชนิด เช่น โรคไมเกรนและซึมเศร้า โรคตาแห้งยังส่งผลให้เกิดภาวะกระจกตาอักเสบ ทำให้เกิดแผลที่กระจกตา ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อและทำให้ตาบอดได้”


นพ.ดวงมนตรี ได้กล่าวถึงแนวทางการรักษาโรคตาแห้งว่า แนวทางแรก คือ การปรับการใช้สายตา ปกติแพทย์จะแนะนำคนไข้ให้ใช้สูตร 20-20-20 คือ ใช้ตา 20 นาที พักสายตาโดยมองไกลไป 20 เมตร เป็นเวลา 20 วินาที แนวทางที่สอง คือ การนำนวัตกรรม IPL (Intense Pulse Light) พร้อม Mask Eye (LLLT) เทคโนโลยีลำแสงสีแดงเข้ามาช่วยในการรักษาภาวะตาแห้งหรือโรคเปลือกตาอักเสบเรื้อรัง ด้วยการใช้แสงในช่วงความยาวคลื่นเฉพาะ ซึ่งมิใช่เลเซอร์ แต่ใช้คลื่นแสง 400 – 1200 nm ทำให้เส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติที่เปลือกตาหดตัวลง เป็นการลดและตัดวงจรการอักเสบที่เปลือกตา นอกจากนี้ ยังมีผลให้ไขมันที่ผลิตจากต่อมผลิตไขมันลดปริมาณลงและการทำ LLLT ยังสามารถนวดทำความสะอาดเปลือกตา ช่วยให้การกดและรีดต่อมไขมันอุดตันในตาออกง่ายยิ่งขึ้น การรักษาด้วยนวัตกรรม IPL มีข้อดี คือ เห็นผลการรักษาทันทีตั้งแต่ครั้งแรก เป็นนวัตกรรมที่ไม่เจ็บ ไม่อันตรายต่อดวงตาและผิวชั้นนอก
นอกจากการนำนวัตกรรม IPL + LLLT เข้ามารักษาผู้มีปัญหาโรคตาแห้งแล้ว EYES CARE PLUS ศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จะเน้นการรักษาโรคเกี่ยวกับตาที่โรงพยาบาลในประเทศไทยยังไม่เปิดการรักษาหรือยังเปิดไม่มาก เช่น การผ่าตัดคนไข้ที่ไทรอยด์ขึ้นตา ด้วยเทคนิคจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำให้ผู้ป่วยกลับมาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“ผู้ป่วยที่เป็นไทรอยด์ขึ้นตา จะมีอาการเนื้อเยื่อบริเวณเบ้าตาเกิดการอักเสบ บวมแดงร้อน ไขมันและกล้ามเนื้อตาที่บวมจะดันลูกตาออก ทำให้มีอาการตาโปน ตาแดง มีผลให้หลับตาไม่สนิท ตาแห้ง อาจกลอกตาไม่สุดและมีตาเข ในขั้นรุนแรงมากๆ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ จากการที่เส้นประสาทตาถูกกล้ามเนื้อกดทับ ซึ่งการผ่าตัดจะช่วยให้เขามีตาที่เป็นปกติ หายจากอาการตาโปน ทำให้กล้าที่กลับมาเข้าสังคมมากขึ้น”
EYES CARE PLUS ศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ยังให้การรักษาผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไข้ในการใช้ชีวิต โดยใช้เทคนิคจาก University Illinois at Chicago ของสหรัฐอเมริกาฯ เทคนิคดังกล่าวใช้เวลาในการผ่าตัดเพียง 15 นาทีและไม่มีแผลด้านนอก
นอกจากนี้ ยังมีบริการทางการแพทย์ด้านตาอื่นๆ จากทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับอาจารย์ อาทิ การตรวจและรักษาโรคต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตา ม่านตาอักเสบ การตรวจรักษาโรคตาในเด็ก การผ่าตัดต้อกระจกและเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ความถี่สูง การผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติด้วยเทคโนโลยี ReLEx CLEAR และการผ่าตัดรักษาเปลือกตาและเบ้าตา เป็นต้น
ด้าน รศ.นพ.อัมพร ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาดวงตาว่า “เด็กแรกเกิดถึงสามขวบ ควรตรวจตาหนึ่งครั้งในชีวิตว่ามีปัญหาสายตาสั้น ตาเหล่ ตาเข ฯลฯ หรือเปล่า พออายุ 40 ปีก็ควรมาตรวจว่ามีต้อหินหรือเปล่า พออายุ 50 – 60 ปี ควรมาตรวจตาอย่างต่อเนื่อง ถ้าเรามองไม่เห็นเราจะไม่มีความสุข ถ้าตาเรายังดีอยู่ คุณภาพชีวิตของเราก็จะดี ดังนั้น เราควรให้ความสำคัญกับตาเพื่อให้อยู่กับเราไปนานๆ”
ส่วน นพ.ดวงมนตรี ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาดวงตาว่า “การตรวจโรคตาใช้เวลาไม่นาน อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญ เพราะตาของเรามีคู่เดียว ถ้าตาเราเสียแล้ว ต่อให้มีเงิน มีเวลาเท่าไหร่ เราเรียกกลับไม่ได้ การมองเห็นทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและเราควรได้รับสิทธินั้น”

ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยและบริการทางการแพทย์จากทีมแพทย์คุณภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่า “EYES CARE PLUS ศูนย์จักษุและเลสิก โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง” จะเป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการรักษาโรคเกี่ยวกับตาที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย