กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กางแผนทำงานขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ของทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในตลาดเอเชีย เตรียมลุยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย จัดงานแสดงสินค้าแบบออนไลน์และออฟไลน์เมืองหลัก เมืองรอง จัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ ร่วมมือค้าขายเป็นรายรัฐ รายมณฑล เพื่อเพิ่มโอกาสเจาะตลาดจีน อาเซียน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
นายวิทยากร มณีเนตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการทำงานในปี 2564 ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” และการเจาะตลาดเมืองรอง ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ขณะนี้สำนักงานฯ ที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียหลายประเทศได้จัดทำแผนมาแล้ว มีทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย การจัดงานแสดงสินค้าไทยทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ การจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจและเพิ่มความร่วมมือทางการค้า และการร่วมมือกับรัฐและเมืองรองของประเทศเป้าหมายในการขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
โดยในส่วนของตลาดจีน มีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าผลไม้ไทยในเมืองสำคัญรวม 13 เมือง
ซึ่งเป็นการทำงานต่อเนื่องจากปี 2563 เพื่อกระตุ้นยอดขายผลไม้ไทย จะทำแผนประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยใน 5 เมือง ได้แก่ ต้าเหลียน ฉางซา จ้านเจียง อู่ฮั่น หนานชาง เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการบริโภค และจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์อาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ใน 5 เมืองรอง ได้แก่ ซีอาน ฮาร์บิ้น ไป่เซ่อ จงซาน อันฮุย เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทยให้ได้เพิ่มขึ้น
สำหรับตลาดอาเซียน จะจัดงาน Top Thai Brands เพื่อบุกตลาดในทุกเมืองหลักของอาเซียน เน้นการขายออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป จัดงาน Mini Thailand Week ในเมืองรอง 8 แห่ง กระจายทั่วอาเซียน ได้แก่ ตองยี ในเมียนมา เชียงขวาง และไชยะบูลี ใน สปป.ลาว เสียมราฐ ในกัมพูชา เกิ่นเทอ และไฮฟอง ในเวียดนาม ดาเวา ในฟิลิปปินส์ และสุราบายา ในอินโดนีเซีย ตลอดจนจัดคณะผู้แทนการค้าไปยะโฮร์บารู มาเลเซีย และติมอร์-เลสเต เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า
ตลาดอินเดีย มีกำหนดจะจัดพิธีลงนาม MOU รูปแบบออนไลน์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา ในวันที่ 18 ม.ค. 2564 เพื่อร่วมมือในการขยายการค้า การลงทุน และจะมีการจัดกิจกรรมคู่ขนานจัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ ระหว่างวันที่ 18-22 ม.ค.2564 สินค้าไม้ยางพารา อาหารสัตว์ น้ำมันปาล์ม ของเล่นเด็ก เครื่องสำอาง เป็นต้น จากนั้นจะจัดงาน Top Thai Brands เป็นครั้งแรกรูปแบบไฮบริด ณ เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา วันที่ 28-30 พ.ค.2564 และมีเป้าจัดอีกที่กรุงนิวเดลี เมืองปูเน่ เมืองเจนไน จัดโครงการ Thailand Week Roadshow รูปแบบไฮบริดเป็นครั้งแรก ณ เมืองสุรัตและอินดอร์ ในช่วงมิ.ย.-ก.ค.2564 และจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าอาหารและผลไม้สดของไทยผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยร่วมมือกับซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของอินเดีย เช่น Grocery Avenue รีไลแอนซ์กรุ๊ป และฟิวเจอร์กรุ๊ป เป็นต้น
ส่วนตลาดญี่ปุ่น จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยผ่านสื่อทีวีดิจิตอล (TV Shopping) และส่งเสริมการขายร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตอิออนในญี่ปุ่น ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ กว่า 500 สาขา รวมทั้งจะขยายความร่วมมือกับจังหวัดวากายามะเพิ่มขึ้น หลังจากลงนาม MOU กันไปแล้วเมื่อเดือนพ.ย.2562 โดยมีแผนที่จะจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ การร่วมคิดค้นและผลิตสินค้าเพื่อโปรโมตไปยังประเทศที่สาม และการแลกเปลี่ยนความรู้สินค้าเกษตรแปรรูป เป็นต้น และยังจะใช้วากายามะ โมเดล เพิ่มความร่วมมือกับจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่นที่มีศักยภาพ ซึ่งล่าสุด ได้มีการหารือกับจังหวัดยามานาชิถึงความร่วมมือกันด้านสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ คาดว่าจะมีการลงนาม MOU ร่วมกันในเดือน ก.พ.2564
ตลาดเกาหลีใต้ จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีศักยภาพ เช่น Coupang, SSG (Shinsegae), Naver, Interpark, Gmarket และ 11st เป็นต้น รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้า Hyundai Department Store จำนวน 10 สาขา ส่วนการลงนาม MOU กับจังหวัดคยองกี เพื่อร่วมมือด้านการค้าระหว่างกันนั้น จังหวัดคยองกีแจ้งว่าหากการเดินทางระหว่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติ จะเดินทางมาลงนาม MOU ที่ประเทศไทยต่อไป
ขณะที่ตลาดออสเตรเลีย จะเร่งสร้างภาพลักษณ์สินค้าการ์ตูนคาแรกเตอร์ (Cartoon Character) และสินค้าเครื่องปรุงรสไทย ในงาน Sydney Royal Easter Show 2021 ณ นครซิดนีย์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าไทย และผลักดันให้สินค้าไทยเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น