“จุรินทร์เร่งส่งออกอินเดีย ทูตพาณิชย์มุมไบเชียร์บุกเมืองรอง ลุยทุกช่องทางสร้างโอกาสให้ SMEs”
กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าตามแผนงานของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ด้านการพัฒนาตลาดเพื่อธุรกิจ SMEs โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดการเจรจาธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ รวม 399 นัดภายใน 3 วัน เพื่อให้ผู้ส่งออกไทย 35 ราย ได้พบปะกับผู้นำเข้าอินเดียกว่า 110 ราย พร้อมส่งสินค้าตัวอย่างให้ผู้นำเข้าอินเดียได้ทดลองล่วงหน้าก่อนการเจรจาด้วย นอกเหนือจากการจัดแสดงสินค้าไว้สำหรับคนอินเดียที่เดินทางมายังสถานที่จัดงาน โดยคาดว่ากิจกรรมครั้งนี้สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP เปิดเผยว่ากรมฯ กำลังดำเนินการตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้เร่งสร้างโอกาสในการส่งออกสำหรับ SMEs ให้มากที่สุด โดยกรมฯ ได้ปรับแนวทางจัดกิจกรรมให้เป็นแบบไฮบริด (Online plus On-Ground) และมุ่งแสวงหาโอกาสในเมืองรองที่กำลังเติบโต โดยล่าสุดทูตพาณิชย์เมืองมุมไบ ประเทศอินเดียได้ทำทีมงานออกไปจัดงาน Thailand Week Online ที่เมืองปูเน่ รัฐมหาราชฏระ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการศึกษาของอินเดียตะวันตก โดยเป็นกิจกรรมในรูปแบบไฮบริด ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการส่งเสริมการค้าในช่วงโควิดที่คู่ค้าไม่สามารถเดินทางไปหากันได้
น.ส.สุพัตรา แสวงศรี ทูตพาณิชย์ ณ เมืองมุมไบ กล่าวว่าตลาดสินค้าอาหารและของใช้ต่างๆ ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในอินเดีย และโควิดเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ผู้ส่งออกจะสามารถพบปะและนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ให้กับผู้นำเข้าได้นำไปเติมเต็มความต้องการในตลาด ซึ่งผลการจัดงานปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อเป็นอย่างดีเนื่องจากสามารถทดลองชิมและใช้สินค้าล่วงหน้าได้ก่อนการเจรจาธุรกิจ ทำให้มีเวลาในการพิจารณาโอกาสของสินค้าก่อนการนัดเจรจากันในรายละเอียดทั้งทางด้านราคา ปริมาณการสั่งซื้อ และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จะทำร่วมกับผู้ส่งออกไทย ซึ่งผู้นำเข้าเห็นว่าสินค้าไทยเป็นที่สนใจของลูกค้าอินเดียอยู่แล้ว เพราะคุณภาพดี ออกแบบสวย แต่ราคายังค่อนข้างสูง หากสามารถปรับลดราคาลงได้ ก็จะเป็นการเพิ่มแรงจูงใจในการนำเข้ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารมังสวิรัติ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มจากผลไม้ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก สบู่และครีมบำรุงผิว ชุดชั้นใน และ รองเท้าแตะ เป็นต้น
นอกจากกิจกรรมสำหรับ SMEs ข้างต้นแล้ว สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองมุมไบ ได้จัดกิจกรรมสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและกิจการชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอินเดียในอนาคตด้วย โดยอาศัยความร่วมมือภายใต้ MoU กับหน่วยงานพันธมิตรในอินเดียที่ได้มีการลงนามกันไว้ระหว่างการเยือนของผู้บริหารระดับรัฐมนตรี อาทิ การจัดแสดงสินค้าออนไลน์ (Virtual Expo / Showcase) โดยนำสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนและสินค้า OTOP ในจังหวัดต่างๆ มาจัดแสดง การสร้างเครือข่ายออนไลน์ระหว่างแหล่งผลิตสินค้าที่เกื้อกูลกันระหว่างไทยและอินเดีย (อัญมณีและเครื่องประดับจากจังหวัดจันทบุรีและเมืองสุรัตของอินเดีย) รวมถึงการประสานงานกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพื่อ คัดสรรกิจการชุมชนเข้ามาร่วมกิจกรรมพัฒนาตลาดกับหอการค้าและอุตสาหกรรมในอินเดีย (Bombay Chamber of Commerce and Industry)
และเพื่อสร้างโอกาสและหารายได้ให้กับ SMEs รองรับวิกฤติในห้วงเวลาการระบาดของ COVID-19 สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองมุมไบ จะเร่งผลักดันการค้ากับอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนสิงหาคมนี้จะร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ในกรุงนิวเดลีและเมืองเชนไน ดำเนินโครงการผลักดันการค้าในตลาดเอเชียใต้ด้วย ทั้งนี้ การค้าในภาพรวมของไทยและอินเดียยังมีโอกาสเติบโตได้ท่ามกลางภาวะโรคระบาด โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 การค้ามีมูลค่ารวม 7,064 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 61.15 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 4,383 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการส่งออก 3,831 ล้านเหรียญสหรัฐฯขยายตัวร้อยละ 54.75 และ นำเข้า 3,233 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 69.45 สำหรับสินค้า 10 รายการแรกที่ไทยส่งออกมายังอินเดียในช่วงระยะเวลาดังกล่าว เรียงตามลำดับจากมูลค่าสูงสุด ประกอบด้วย เม็ดพลาสติก/เคมีภัณฑ์/อัญมณีและเครื่องประดับ/เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์/รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ/ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์/เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล/เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ/ทองแดงและของทำด้วยทองแดง/เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
11 สิงหาคม 2564