Home Event ย้อนอดีต ไทยเที่ยวไทย นั่งรถไฟไปเที่ยวงานแสดงช้างกับ 60 ปี งานช้างสุรินทร์ 60 ปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ย้อนอดีต ไทยเที่ยวไทย นั่งรถไฟไปเที่ยวงานแสดงช้างกับ 60 ปี งานช้างสุรินทร์ 60 ปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

0
ย้อนอดีต ไทยเที่ยวไทย นั่งรถไฟไปเที่ยวงานแสดงช้างกับ 60 ปี งานช้างสุรินทร์ 60 ปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ในโอกาสครบรอบ 60 ปี งานแสดงช้างสุรินทร์และ 60 ปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในปีนี้ วันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2563 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ร่วมย้อนอดีตจัดทัวร์รถไฟขบวนพิเศษไปเที่ยวงานช้างสุรินทร์ (ต้นทางสถานีหัวลำโพง-ปลายทางสถานีจังหวัดสุรินทร์) โดยร่วมมือจัดทัวร์ด้วยมาตรฐานสาธารณสุข เที่ยวอีสานวิถีใหม่ NewNormal จากพันธมิตร6สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว อันประกอบด้วย สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA), สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA), สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ (สทน.), สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย(สนท.), สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย(สธทท.) และสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)

สมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน แสดงช้างสุรินทร์ ประจำปี 2563 Unseen และกล่าวเปิดงานบนหลังช้างท่ามกลางโขลงช้างนับ100 เชือก พร้อมด้วย นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์, นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และแขกวีไอพีจากภาคส่วนต่างๆ เข้าชมการแสดงช้างสุดอลังการ

ซึ่งประวัติความเป็นมานั้น เมื่อปี พ.ศ.2503 จังหวัดสุรินทร์ บริเวณสนามบินเก่าท่าตูม (คือ บริเวณโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์ ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2503 ได้มีการจัดขบวนพาเหรดช้าง การแสดงการคล้องช้าง และการแข่งขันช้างวิ่งเร็ว ครั้งนั้น มีช้างเข้าร่วมในการแสดงประมาณ 60 เชือก จากการแสดงคราวนั้น ทำให้มีการประชาสัมพันธ์แพร่ภาพทั้งทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ เผยแพร่ไปทั่วโลก ทำให้เกิดความสนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดย องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ชื่อเดิมของ ททท.)

ต่อมาจึงเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย ว่าการแสดงของช้างที่จังหวัดสุรินทร์ในครั้งนั้น นับว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากของจังหวัดและประเทศไทย ผู้คนทั่วไปหาโอกาสหาชมได้น้อยที่มีช้างจำนวนมากมารวมตัวกัน จึงเห็นสมควรที่จะเผยแพร่งานแสดงของช้างไปสู่วงกว้างเสนอให้งานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงานประเพณีของจังหวัด และให้มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีการกำหนดวันให้แน่นอนตามปฏิทินท่องเที่ยว และจัดรูปแบบงานให้มีความน่าสนใจและความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อจะได้โฆษณาและประชาสัมพันธ์ เชิญชวนไปยังนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศให้แพร่หลายต่อไปด้วย

ปีต่อมาในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2504 องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ชื่อเดิมของ ททท.) จึงได้ร่วมกับจังหวัดสุรินทร์ จัดงานแสดงช้างขึ้น เป็นงานประจำปีของจังหวัดสุรินทร์อีกครั้ง (โดยยังคงจัดที่อำเภอท่าตูม) จากผลการจัดงานแสดงช้างครั้งนั้น ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงได้รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้งานแสดงช้างเป็นงานประจำปีของชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2505 ซึ่งต่อมางานแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์จึงกลายเป็นงานประจำปีของชาติ และเป็นงานประเพณีหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ที่มีการพัฒนาและจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 60

การแสดงช้างสุรินทร์ในปีต่อๆมา คณะกรรมการจัดงานได้ย้ายสถานที่จัดงานแสดงช้างจากอำเภอท่าตูม มาแสดงในเมืองจังหวัดสุรินทร์ สนามแสดงช้างสุรินทร์ มาจนถึงปัจจุบัน ททท.ได้มีส่วนร่วมช่วยปรับปรุงรูปแบบทั้งแสงสีเสียง ให้สวยงาม น่าสนใจ ตื่นเต้นมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะการแสดงช้างสุรินทร์ ในชุดการแสดงต่างๆ เช่น ขบวนช้างพาเหรด ช้างปฏิบัติตามคำสั่ง ช้างแสนรู้ ช้างวิ่งเร็ว ช้างวิ่งข้ามคน ช้างเตะฟุตบอล และขบวนช้างศึก

การแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ได้กำหนดไว้ในปฎิทินท่องเที่ยวของ ททท. “ว่างานแสดงช้างสุรินทร์กำหนดจัดในวันเสาร์-อาทิตย์สัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายนทุกปี” เพื่อความชัดเจนในด้านการประชาสัมพันธ์ การเสนอขายทัวร์ การจัดงานล่วงหน้าข้ามปี ทำให้งานแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ เป็นที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศรู้จักเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามในอดีตการเดินทางมาชมการแสดงช้างสุรินทร์ก็ลำบากไม่มีเครื่องบิน ถนนหนทางก็ไม่ค่อยสะดวก ททท. จึงได้จัดทัวร์นำร่องโดยการเหมาขบวนรถไฟ ใช้เจ้าหน้าที่ ททท.ทั้งหมดมาจัดทัวร์อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวงานแสดงช้างสุรินทร์

ขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงหนือ

เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย www.autopreview.com