Home PR. News งานนี้มีแต่ ฟรี!!! พาณิชย์ จับมือ 4 องค์กร…ผู้เชี่ยวชาญบนโลกดิจิทัลของไทย

งานนี้มีแต่ ฟรี!!! พาณิชย์ จับมือ 4 องค์กร…ผู้เชี่ยวชาญบนโลกดิจิทัลของไทย

0
งานนี้มีแต่ ฟรี!!! พาณิชย์ จับมือ 4 องค์กร…ผู้เชี่ยวชาญบนโลกดิจิทัลของไทย

งานนี้มีแต่ ฟรี!!! พาณิชย์ จับมือ 4 องค์กร…ผู้เชี่ยวชาญบนโลกดิจิทัลของไทย

ช่วยเหลือนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาค้าขายออนไลน์

          กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ 4 องค์กร…ผู้เชี่ยวชาญบนโลกดิจิทัลของประเทศ ช่วยเหลือนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาค้าขายออนไลน์ ช่วยแล้ว..ต้องช่วยให้ถึงที่สุด งานนี้…จึงมีแต่ฟรี!!! โดเมน..ฟรี ค่าสมาชิกวิสามัญและสิทธิประโยชน์มากมาย..ฟรี พร้อมให้คำปรึกษาค้าขายออนไลน์..ฟรี รับจำนวนจำกัดเพียง 50,000 ราย สมัครกันยาวๆ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2564 ทาง www.domain.online.th สมัครเต็ม…ปิดระบบทันที

          นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า “ปัจจุบันระบบออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างบริบทการดำเนินชีวิตใหม่ของทุกสังคมทั่วโลก เนื่องจากกิจกรรมบนโลกปกติถูกปรับเปลี่ยนไปอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้หนึ่งในความจำเป็นขั้นพื้นฐานที่เพิ่มเติมขึ้นมา คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่มีความรวดเร็ว  เพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ความทรงอิทธิพลของระบบออนไลน์ส่งผลให้การค้าขายบนอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมและเป็นช่องทางการตลาดที่ทรงพลังสูงสุด อีกทั้ง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหันมานำสินค้าและบริการขึ้นมาขายบนโลกออนไลน์มากขึ้น ยิ่งมีผู้ขายมากขึ้นเท่าไร ความน่าเชื่อถือก็ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น เพราะโลกออนไลน์เป็นโลกเสมือนจริงที่การแสดงตัวตนที่ชัดเจนจะทำให้คู่ค้า ลูกค้า และผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อผู้ค้ามากขึ้น”

“เพื่อให้ผู้ประกอบการออนไลน์มีตัวตนที่ชัดเจน และช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร 4 องค์กร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญบนโลกดิจิทัลของประเทศไทย คือ มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และ สมาคมการค้าดิจิทัลไทย จัด ‘โครงการส่งเสริมธุรกิจไทยใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน’ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ระบบอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น มีเว็บไซต์ธุรกิจเป็นของตนเองซึ่งสามารถแสดงถึงความมีตัวตนของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพให้คำปรึกษาแนะนำการทำธุรกิจ โดยผู้ประกอบการทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่เข้าร่วมโครงการฯ จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น”

อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตร ได้กำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ คือ 1) นิติบุคคลทั่วไป 2) บุคคลธรรมดาที่ได้รับเครื่องหมาย DBD Registered จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยสิ่งที่ผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย คือ 1) จดทะเบียนชื่อโดเมนและเปิดเว็บไซต์ธุรกิจภายใต้ .co.th หรือ online.th หรือ shop.th พร้อมสร้างเว็บไซต์เริ่มต้นธุรกิจ 1 ปี 2) ค่าสมาชิกวิสามัญและได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จาก 3 สมาคม (สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และสมาคมการค้าดิจิทัลไทย) เป็นระยะเวลา 1 ปี  และ 3) ได้รับคำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์ การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำธุรกิจ รวมทั้ง อำนวยความสะดวกในการขอรับเครื่องหมาย DBD Registered ได้ทันทีสำหรับนิติบุคคลที่ยังไม่มีเครื่องหมาย”          

โครงการส่งเสริมธุรกิจไทยใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน จะเริ่มเปิดให้ผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2564 ทางเว็บไซต์ www.domain.online.th โดยรับสมัครจำนวนจำกัดเพียง 50,000 รายเท่านั้น และเมื่อลงทะเบียนฯ ครบตามจำนวนแล้ว กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตรจะปิดระบบทันที”  

“ขอเชิญชวนผู้ประกอบการทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่ได้รับเครื่องหมาย DBD Registered จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าร่วม ‘โครงการส่งเสริมธุรกิจไทยใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน’ สำหรับบุคคลธรรมดาที่ค้าขายผ่านระบบออนไลน์อยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ขอรับเครื่องหมาย DBD Registered ให้ขอรับเครื่องหมายฯ ได้ทางเว็บไซต์ www.trustmarkthai.com หลังจากนั้น จึงจะสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้”

“สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line : @domainthai, e-Mail : info@domain.online.th และส่วนส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์หมายเลข 0 2547 5959 อีเมล : e-commerce@dbd.go.th และ www.dbd.go.th” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย