Home Technology อินทัชเผยวิสัยทัศน์การเติบโตของธุรกิจดิจิทัลในอนาคต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทในกลุ่ม

อินทัชเผยวิสัยทัศน์การเติบโตของธุรกิจดิจิทัลในอนาคต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทในกลุ่ม

0
อินทัชเผยวิสัยทัศน์การเติบโตของธุรกิจดิจิทัลในอนาคต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทในกลุ่ม

บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัชประกาศโครงการ Venture Builder เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการลงทุนในธุรกิจร่วมทุน (Venture Capital) และการสร้างธุรกิจใหม่ (New Business) กับสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับ 5G และ Emerging Technology รวมทั้งการลงทุนผ่านกองทุนเวนเจอร์แคปปิตอล (Venture Capital Fund) เพื่อนำมาต่อยอดบริการต่างๆ ให้กับธุรกิจของกลุ่มอินทัชที่จะสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนในอนาคต

ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริษัทร่วมทุนและพัฒนาธุรกิจ และหัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน รวมทั้งสตาร์ทอัพในหลายๆ ธุรกิจ ทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นตัวเร่งในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาดำเนินธุรกิจเร็วขึ้น เช่น ธุรกิจเดลิเวอรี่ ธุรกิจเทคโนโลยีสุขภาพ ธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เนื่องมาจากผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเป็นดิจิทัล และเทคโนโลยี 5G เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตผู้คนมากขึ้น เราจึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มโครงการ Venture Builder การลงทุนผ่านกองทุนเวนเจอร์แคปปิตอล (Venture Capital Fund) ที่เกี่ยวข้องกับ 5G และ Emerging Technology ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ ในส่วนของ Corporate Venture Capital ภายใต้โครงการอินเว้นท์ (InVent) ยังคงเฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีคุณภาพสำหรับการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนผ่าน JV/M&A เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ อีกด้วย”

การเติบโตของมูลค่าพอร์ตการลงทุนภายใต้โครงการอินเว้นท์ (InVent) และการสร้างคุณค่าให้กับสตาร์ทอัพที่ลงทุน

ในปีที่ผ่านมา อินทัชได้ลงทุนในสตาร์ทอัพผ่านโครงการอินเว้นท์ (InVent) เพิ่ม 6 บริษัท โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 252 ล้านบาท ประกอบด้วย สตาร์ทอัพด้านฟินเทค (FinTech) ได้แก่ บริษัท เพียร์ พาวเวอร์ จำกัด (PeerPower) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มระดมทุนหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง, บริษัท ชมชอบกรุ๊ป จำกัด (ChomChob) สตาร์ทอัพไทยที่ให้บริการแพลตฟอร์มรวมคะแนนบัตรเครดิตและแบรนด์พันธมิตรต่างๆ เพื่อแลกเป็นสินค้าและบริการ และบริษัท แอกซินัน พีทีอี ลิมิตเต็ด (Axinan) สตาร์ทอัพสิงคโปร์ที่ให้บริการเทคโนโลยีประกันภัยสมัยใหม่ สตาร์ทอัพด้านเอ็นเตอร์ไพรส์โซลูชัน (Enterprise Solution) ได้แก่ บริษัท ดาต้าฟาร์ม จำกัด (Datafarm) สตาร์ทอัพไทยที่ให้บริการทดลองเจาะระบบ (Penetration Testing) และบริการตรวจสอบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Audit) แก่ลูกค้าองค์กร, บริษัท สวิฟท์ ไดนามิคส์ จำกัด (Swift Dynamics) ให้บริการซอฟท์แวร์และคำปรึกษาด้านการก่อสร้างและซ่อมบำรุง โดยมีจุดเด่นที่นำเอาเทคโนโลยี IoT เข้ามาผสานเพื่อให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้งหมดอยู่บนระบบคลาวด์ สตาร์ทอัพด้านดิจิทัลมีเดีย (Digital Media) ได้แก่ บริษัท พาโรนีม (Paronym) สตาร์ทอัพญี่ปุ่นที่ให้บริการวิดีโอเทคโนโลยีโต้ตอบอัตโนมัติ (Interactive video)

โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ลงทุนในบริษัท โคนิเคิล จำกัด (Conicle) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเรียนรู้สำหรับบุคลากรในองค์กรซึ่งเป็น สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) อีกด้วย

ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา อินทัชลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งหมด 26 ราย มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 26% จากปี 2019  ซึ่งมาจากการลงทุนใหม่ และการขายหุ้นที่ลงทุน (Exit) ในบริษัท วงใน มีเดีย จำกัด และ บริษัท โซเชี่ยล เนชั่น ปัจจุบันอินทัชได้ทำการ Exit แล้วทั้งหมด 7 สตาร์ทอัพ ซึ่งได้รับผลตอบแทนทั้งหมดคิดเป็น IRR เฉลี่ย 29% โดยในปี 2564 อินทัชมีเป้าหมายลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวเนื่องกับ 5G เช่น เทคโนโลยีด้านการศึกษา (EdTech) เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) เทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) และ Emerging Technology อื่นๆ เป็นต้น

ดร.ณรงค์พนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อินทัชให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าให้กับ InVent Portfolio ใน 3 ด้าน คือ

  1. Business Development & Strategic Value ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพในการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายให้เติบโตอย่างยั่งยืนจากการร่วมมือระหว่างบริษัทในเครืออินทัช และพันธมิตร ช่วยให้เข้าถึงตลาดใหม่ ช่องทางการขายใหม่ กลุ่มลูกค้าใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ
  2. Nurturing พัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัพด้วยความรู้และผู้เชี่ยวชาญ และช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น กฎหมาย การเงิน บัญชี และการบริหารจัดการต่างๆ
  3. Knowledge Sharing จัดงานพบปะทางธุรกิจ และแลกเปลี่ยนความรู้จากหลากหลายมิติ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ

เสริมการลงทุนผ่าน Venture Builder และการลงทุนผ่านกองทุนเวนเจอร์แคปปิตอล (Venture Capital Fund)

ในปี 2564 อินทัชเสริมการลงทุนผ่าน Venture Builder และการลงทุนผ่านกองทุนเวนเจอร์แคปปิตอล (Venture Capital Fund) เพื่อเสริมสร้างให้เกิดธุรกิจใหม่ และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในกลุ่ม

  • Venture Builder ภายใต้โครงการ InVent Builder ช่วยสร้างและพัฒนาธุรกิจใหม่ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Early Stage) ที่ใช้เทคโนโลยีและบริการที่เกี่ยวข้องกับ 5G จนขยายการเติบโตได้อย่างยั่งยืน อินทัชจึงเห็นโอกาสในการทำ Venture Builder Program เพื่อสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยให้แข็งแรงมากขึ้น ให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ช่วยสร้างธุรกิจใหม่ๆ โดยในปีนี้ได้ทำ Venture Builder ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยี 5G จะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการ ก่อให้เกิดนวัตกรรมทาง Healthcare ใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ Venture Builder จะได้รับการสนับสนุนผ่านกระบวนการที่ช่วยให้ไอเดียธุรกิจเป็นจริงได้ โดยได้รับคำแนะนำจาก Mentor อย่างเข้มข้น พร้อมเงินทุนสนับสนุนรายเดือน การเข้าถึงตลาดและโอกาสในการพบพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และมีโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกับอินทัชอีกด้วย สตาร์ทอัพที่สนใจสามารถสมัครได้ที่  www.inventvc.com/inventbuilder  

  • กองทุนเวนเจอร์แคปปิตอล (Venture Capital Fund) เพื่อขยายโอกาสการลงทุนที่ครอบคลุมในหลายภูมิภาค มุ่งหา deal flow ที่มีคุณภาพด้วยความเชี่ยวชาญจากผู้จัดตั้งกองทุนชั้นนำจากต่างประเทศ เกิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและความร่วมมือทางธุรกิจที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อนำมาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สอดคล้องกับเทคโนโลยี 5G และตอบโจทย์ทางธุรกิจ สามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ให้กับบริษัทในกลุ่มอินทัช โดยปีนี้ลงทุนในกองทุนอิสราเอลเป็นกองทุนแรก

“ผมมองว่า การลงทุนของอินทัชจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน และสร้างการเติบโตให้กับระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ ได้มีโอกาสคิดค้น และพัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยี 5G มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของบริษัทในกลุ่มอินทัช เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และตอบโจทย์การใช้งานของคนในยุคดิจิทัล ตลอดจนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน” ดร.ณรงค์พนธ์ กล่าวสรุป