● ระบบกล้องวงจรปิด “VIGI Surveillance” ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรเต็มประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ
● เป็นผู้นำตลาด CCTV ในประเทศจีน มีประสบการณ์ทั้งด้านการตลาด และการผลิต ตั้งเป้าจะครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยติด Top3 ในอีก 3 ปีข้างหน้า
● ระบบ Smart AI ที่มาพร้อมในตัวกล้องวงจรปิด “VIGI” ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น สามารถตรวจจับเหตุการณ์ได้อย่างอัจฉริยะ
● มีการรับประกันอุปกรณ์ 3 ปี พร้อมระบบ Call Center ให้บริการช่วยเหลือเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หลังการขาย หากเสียเปลี่ยนตัวใหม่ไม่มีแกะซ่อม
บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการระดับโลกในกลุ่มตลาด Small and Medium-sized Business (SMB) ผู้ให้บริการอันดับ 1 ของโลกด้านผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่าย 12 ปี ซ้อน ตอกย้ำแบรนด์ “VIGI” ระบบเครือข่ายกล้องวงจรปิดแบบครบวงจรเรียกว่า “VIGI Surveillance” ด้วยคุณสมบัติระดับแบรนด์ชั้นนำในตลาด โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยชิปเซ็ต Smart AI ที่มาพร้อมในตัวกล้องวงจรปิด “VIGI” ทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น สามารถตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่างอัจฉริยะและแม่นยำบนพื้นฐานของ AI สามารถกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังการบุกรุก และตรวจจับการกระทำที่น่าสงสัย เช่น บริเวณใกล้กับเคาน์เตอร์ชำระเงิน และวัตถุต่าง ๆ บนชั้นวาง ด้วยการทำงานที่ยืดหยุ่นและใช้งานง่าย โดยมีผลิตภัณฑ์ครบทุกหมวดหมู่ พร้อมฟีเจอร์สำคัญ ๆ ซึ่งสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม สถาบันการศึกษา ผู้ใช้งานทั่วไป และคู่ค้าในธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าเพิ่ม (VAR) และผู้รวบรวมระบบ System Integrators (SI) ที่กำลังมองหากล้องวงจรปิด “VIGI” เพื่อปรับแต่งให้เหมาะสมกับลูกค้าพันธมิตร
Mr.Chen Kun Managing Director บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
TP-Link เริ่มเปิดตลาดกล้องวงจรปิดแบรนด์ VIGI ในประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 เพราะเล็งเห็นถึงความต้องการที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดกล้องวงจรปิดติด Top 3 ในประเทศไทย ภายใน 3 ปี อีกทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม IP Camera นับเป็นส่วนหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับตลาดเน็ตเวิร์คกิ้ง ซึ่งเป็น Main business ของ TP-Link ที่เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทยอีกด้วย และจากการทำตลาดในจีนมา 5 ปี ได้เป็นผู้นำตลาด CCTV อันดับ 3 (Top 3) ในประเทศจีน เป็นอีกข้อได้เปรียบ และคาดว่าจะขยับขึ้นสู่อันดับ 2 (Top 2) ได้อีกไม่นาน โดยเชื่อมั่นในจุดแข็งทั้งด้านประสบการณ์การตลาด การผลิต (Manufacturing) และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเน็ตเวิร์คกิ้งไร้สายจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ VIGI สู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางลงไป (SMB) และผู้ใช้งานทั่วไป (Consumers) ที่มีความเชี่ยวชาญและชัดเจนในเรื่องของแบรนด์ ตำแหน่งทางการตลาด ซึ่งมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่ลูกค้าเลือกแบรนด์ VIGI ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นของ TP-Link ให้ความสำคัญกับการส่งมอบ “คุณประโยชน์” ให้กับลูกค้าในการติดตั้งใช้งาน ซึ่งสร้างความแตกต่างจากรายอื่น ๆ ในตลาด และ 1 ในคุณประโยชน์นั้นคือ VIGI CCTV ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นท็อปสุดของ VIGI มีประสิทธิภาพการทำงานอย่างอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี AI ทุกรุ่น ขณะที่แบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาดจะมีคุณสมบัตินี้เพียงแค่กล้องวงจรปิดระดับสูงเท่านั้น ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ากล้องวงจรปิด VIGI ของ TP-Link สามารถใช้งานเทคโนโลยี AI ได้ทุกรุ่น แม้จะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ (budget) ก็ตาม
ชิปเซ็ต Smart AI ที่มีอยู่ในกล้องวงจรปิด “VIGI” ยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า ทั้งการนับจำนวนคนแบบเรียลไทม์ นับการเข้าออกของลูกค้าด้วยความแม่นยำสูง นับจำนวนคนผ่านกล้องด้วยเลนส์คู่ VIGI และเทคโนโลยีการประมวลผล AI และ AI Heat Map ที่สามารถระบุพื้นที่ที่ลูกค้าสัญจรจำนวนมากหรือโซนอับภายในร้านค้า และยังสามารถวิเคราะห์เส้นทาง ค้นหาจุดที่มีการใช้บริการสูงสุดจากเส้นทางของลูกค้าและใช้ประโยชน์จากสถานที่เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อเพิ่มยอดขาย และวางแผนกิจกรรมทางการตลาดให้กับธุรกิจค้าปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
TP-Link กำหนดตำแหน่งของแบรนด์กล้องวงจรปิด VIGI ในตลาดเป็นระบบ “VIGI Surveillance” ที่ผสานธุรกิจเน็ตเวิร์คกิ้งของ TP-Link + กับระบบเครือข่ายกล้องวงจรปิด VIGI นับเป็น ข้อแตกต่างที่สำคัญ (Unique Advantage)ที่ปัจจุบันยังไม่มีแบรนด์ใดในตลาดไทยทำรูปแบบนี้เป็นการทำโซลูชั่นที่ครอบคลุมทั้งระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์คและระบบ CCTV ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายธุรกิจจากไอทีไปสู่ CCTV และช่องทางการขายที่แข็งแกร่งมีพันธมิตรทั้งที่เป็น Distributors, SI และ Reseller Channels ประกอบด้วย Synnex และ TCT Group ซึ่งครอบคลุมทุกตลาดมีศักยภาพในการนำเสนอโซลูชั่นและให้คำปรึกษากับลูกค้าปลายทางตามความต้องการใช้งาน ทั้งกลุ่มองค์กร ภาครัฐ และลูกค้าทั่วไป ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 200 ราย และบริษัทฯ ยังทำโครงการตอบแทนสังคม (CSR) หลายโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการใช้กล้องวงจรปิดในการช่วยเฝ้าระวังไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหลาย ๆ แห่งที่ใช้ระบบ Surveillance ในการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียน
ทั้งนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมด้านการเฝ้าระวัง เป็นเทรนด์ที่ธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันให้ความตระหนัก จึงเป็นความ
ท้าทายของธุรกิจ SMB ที่จะต้องปรับเปลี่ยนไปตามกระแส โดยเฉพาะธุรกิจร้านค้าออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ทั้งจะต้องปรับปรุงขีดความสามารถในการให้บริการ การทำกำไร และจะทำอย่างไรที่จะเรียกลูกค้ากลับมา ขณะที่การโจรกรรมและการหลอกลวงที่อาจจะเกิดขึ้นนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินภายนอก ซึ่งการเฝ้าระวังจึงมีความสำคัญป้องกันการสูญเสีย ด้วยระบบการแจ้งเตือนทันที เมื่อตรวจพบความผิดปกติ
นายทรงศักดิ์ สังขเวทัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กล้อง VIGI มีให้เลือกหลายรุ่นที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้ใช้งานทั้งในระดับ Home user และในระดับองค์กร หน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่ต้องการติดตั้งในแต่ละพื้นที่ทั้งแบบภายในอาคารหรือนอกอาคาร การดูเหตุการณ์ในเวลากลางคืนทั้งแบบภาพอินฟาเรต และภาพสี และการเชื่อมต่อทั้งแบบสาย LAN / PoE หรือแบบไร้สาย เช่น รุ่น VIGI C340-W หรือ C540-W และในกล้อง VIGI ทุกรุ่นยังมาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี AI ที่ Built-in มาอยู่ในกล้องทุกรุ่น ใช้ตรวจจับวัตถุ คน สัตว์ หรือรถยนต์ สามารถจัดเก็บไฟล์ได้อย่างยืดหยุ่นด้วยช่องใส่ Memory Card ที่ตัวกล้อง หรือฟังก์ชัน Two-Way Audio สามารถพูดโต้ตอบกับผู้ที่อยู่หน้ากล้องได้
สำหรับในเรื่องรับประกันและการให้บริการหลังการขาย ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าทุกท่านที่ใช้ผลิตภัณฑ์ VIGI ได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยผลิตภัณฑ์ VIGI ทุกรุ่นจะมีการรับประกันถึง 3 ปี และหากสินค้าเสียในระยะเวลารับประกันจะเป็นการเปลี่ยนสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าโดยไม่มีการนำมาซ่อมแล้วนำกลับมาวนเปลี่ยนให้กับลูกค้าตลอดจนการบริการหลังการขาย ซึ่งหากทางลูกค้าต้องการทราบข้อมูล หรือติดปัญหาเรื่องการติดตั้งหรือการใช้งาน ทางบริษัทฯ มีช่องทางติดต่อที่จะรองรับลูกค้าทุกท่านทั้งช่องทาง Call Center และช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ทั้ง Line FB โดยจะมีพนักงานที่มีความรู้ที่ได้รับการอบรมจากทางบริษัทฯ คอยตอบคำถามและแก้ปัญหาให้กับลูกค้าท่านได้เป็นอย่างดีและได้รับความพึงพอใจ
ระบบกล้องวงจรปิดแบบ Digital ดีกว่า Analog อย่างไร
นายทรงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของระบบกล้อง สิ่งที่ต้องคำนึงคือ เรื่องของการติดตั้งเดินสาย กล้องวงจรปิดแบบ Digital ใช้สาย RJ-45 หรือที่เรียกกันว่าสาย LAN ในการเชื่อมต่อเพื่อส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียง ทำให้ง่ายต่อการวางระบบ มีการเข้ารหัสข้อมูลภาพและเสียงจากต้นทางถึงปลายทาง ทำให้มีความปลอดภัยจากการลักลอบเชื่อมสัญญาณได้เป็นอย่างดี อีกทั้งในกล้องวงจรปิดแบบ Digital บางรุ่นจะมีเทคโนโลยี Power over Ethernet (PoE) สามารถรับการจ่ายกระแสไฟโดยผ่านสาย LAN เพียงเส้นเดียวได้ ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเดินสายหลาย ๆ เส้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งได้อย่างมาก
ต่อมาในเรื่องของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ระบบกล้องวงจรปิดแบบ Digital จะมีความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อให้เหมาะสมกับการใช้งานได้มากกว่า โดยมีอุปกรณ์ให้เลือกติดตั้งหลากหลาย ทั้งแบบใช้สาย LAN หรือแบบไร้สาย รวมไปถึงอนาคต จะมีอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายสัญญาณมือถือได้อีกด้วย ตอบโจทย์การใช้งานทุกระดับตั้งแต่บ้านพักอาศัย ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่
ในส่วนของคุณภาพของภาพที่ได้ ระบบกล้องวงจรปิด Digital มีการพัฒนาให้มีความคมชัดที่มากกว่าระบบกล้อง Analog มีความละเอียดของภาพที่สูงขึ้น และแสดงผลภาพเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลมากขึ้น ซึ่งให้รายละเอียดของเหตุการณ์ที่สำคัญได้มากขึ้น เช่น ลักษณะบุคคล ใบหน้า การแต่งกาย ตัวอักษรและตัวเลขต่าง ๆ บนป้ายทะเบียน เป็นต้น และส่วนที่สำคัญของระบบกล้องวงจรปิด Digital คือ ฟังก์ชั่นการทำงานต่าง ๆ ของกล้องวงจรปิด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับสิ่งต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบการตรวจจับความเคลื่อนไหว การตรวจจับจากเสียง อุณหภูมิ โดยในปัจจุบันมีฟังก์ชั่น AI อัจฉริยะที่สามารถจำแนกประเภทของวัตถุต่าง ๆ เช่น ตรวจจับบุคคล สัตว์ หรือยานพาหนะ ซึ่งจะทำให้ตรวจสอบเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ระบบกล้องวงจรปิดแบบ Digital ยังง่ายต่อการดูภาพเหตุการณ์ทั้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเหตุการณ์ย้อนหลัง สามารถใช้งานได้หลาย platform ไม่ว่าจะเป็นระบบ NVR หน้า Web UI หรือใช้งานผ่านทางแอปฯ บนอุปกรณ์มือถือ ช่วยให้ง่ายต่อการดูภาพเหตุการณ์เป็นอย่างมาก รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีการจัดเวิร์คช็อปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ ทั้งงานติดตั้งโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานราชการ, การศึกษา, ธุรกิจโรงแรม, หอพัก, โมเดิร์นเทรด, เชนสโตร์ต่าง ๆ, ร้านค้าปลีก เพื่อผนวกผลิตภัณฑ์ VIGI ในราคาที่จับต้องได้เข้าไปหรือเริ่มต้นด้วยงบประมาณ 10,000 บาท ก็สามารถติดตั้ง VIGI ครอบคลุมทั่วทั้งบ้าน
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ TP-Link: https://bit.ly/TPLinkVIGI หรือติดตามข้อมูลข่าวสารบน Facebook TP-Link VIGI & Omada Business Networking – TH https://www.facebook.com/tplinkbiz
ดูข้อมูลเกี่ยวกับคุณประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ VIGI: https://bit.ly/5reasonsVIGI
หรือปรึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Business Networking Solution และ VIGI Surveillance Solution ได้ที่: https://bit.ly/3ONQRZH