Home Marketing กระทรวงพาณิชย์ จัดทัพหลักสูตรสุดเข้มข้นโดยวิทยากรและผู้บริหารชั้นนำร่วมปั้น Gen Z สู่การเป็นซีอีโอ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

กระทรวงพาณิชย์ จัดทัพหลักสูตรสุดเข้มข้นโดยวิทยากรและผู้บริหารชั้นนำร่วมปั้น Gen Z สู่การเป็นซีอีโอ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

0
กระทรวงพาณิชย์ จัดทัพหลักสูตรสุดเข้มข้นโดยวิทยากรและผู้บริหารชั้นนำร่วมปั้น Gen Z สู่การเป็นซีอีโอ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบัน NEA (สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่) เดินหน้าสานฝันคนรุ่นใหม่ภายใต้โครงการ From Gen Z to be CEO ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยจัดหลักสูตรอบรมสุดเข้มข้น รวม 6 หลักสูตร ถ่ายทอดผ่านวิทยากรมากความสามารถ ล้วนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ เพื่อร่วมส่งต่อประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจ เสริมความรู้ให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้พร้อมก้าวสู่การเป็น CEO ที่สามารถต่อยอดสู่การค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “หลักสูตรของโครงการ From Gen Z to be CEO ปีนี้ มีทั้งหมด 6 หลักสูตร มีเป้าหมายสำคัญคือการปูเส้นทางให้เด็กรุ่นใหม่ไปสู่การเป็นผู้ประกอบการในประเทศ และต่อยอดสู่การทำการค้าระหว่างประเทศ ฉะนั้นแล้วหลักสูตรต่าง ๆ จึงได้ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างถี่ถ้วนจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง อีกทั้งโครงการนี้ทำมาแล้ว 3 ปี ในทุกปีเราจะรับคำแนะนำจากผู้เรียนในรุ่นก่อน ๆ มาพิจารณาและนำมาปรับปรุงกระบวนการและเนื้อหาให้เหมาะสมมากที่สุด รวมถึงการคัดเลือกวิทยากรอย่างพิถีพิถันที่เราเน้นว่าเป็นผู้ประกอบการตัวจริง มีประสบการณ์จริง เคยผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และประสบความสำเร็จมาแล้ว มาถ่ายทอดแนวคิดและวิธีการให้กับผู้เรียน ซึ่งก่อนการสอนวิทยากรทุกท่านก็จะต้อง workshop ร่วมกับกรม เพื่อสร้างความเข้าใจและทราบเป้าหมายที่แท้จริงของโครงการ พร้อมทั้งเข้าใจบริบทของผู้เรียนในพื้นที่ที่แตกต่างกัน เพื่อนำไปสู่การยกตัวอย่างหรือ case study ที่ใกล้ตัว และให้ผู้เรียนได้มองเห็นภาพ
โดยเริ่มจากหลักสูตรแรก คือ “ประสบการณ์จาก CEOs สู่แรงบันดาลใจ” เราให้ความสำคัญกับหลักสูตรนี้มาก เพราะเชื่อว่า การสร้างแรงบันดาลใจ ถ้าเราจุดติด จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาไปถึงจุดหมาย ฉะนั้นวิทยากรสำหรับหลักสูตรนี้ จึงต้องเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสม เราจะดูก่อนว่าผู้รับสารในแต่ละครั้งคือใคร เช่น ในพื้นที่ภาคเหนือหรือใต้ มีอะไรเป็นเทรนด์ เป็นที่สนใจของคนในพื้นที่นั้น นำสิ่งใกล้ตัวมายกตัวอย่าง ให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเข้าถึงได้ เป็นคนในกระแส และจับต้องได้ วิทยากรในหลักสูตรนี้จึงมีความหลากหลายมากที่สุด และสำคัญคือต้องเป็นคนที่มีทั้งองค์ความรู้และประสบการณ์จริงที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์การลองผิดลองถูก ปัญหา อุปสรรค และจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ทั้งแบรนด์ระดับประเทศอย่างคุณนาฑีรัตน์ บุญรัตน์ บริษัท Food Passion ผู้บริหารร้านอาหารบาร์บีคิวพลาซ่า, คุณเฟิร์น นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้บริหารสุกี้ตี๋น้อย ผศ.ดร.คณน ไตรจันทร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ชาพะยอม, คุณวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ WISHULADA, คุณพีท-คุณพอท มิตรดนัย สถาวรมณี ผู้ก่อตั้ง CORO Brothers Co., Ltd., และ Plante เป็นต้น

ต่อเนื่องที่หลักสูตรที่ 2 “ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจ: Road to Entrepreneurs” เป็นการให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบบริษัท เพื่อให้รู้จุดเริ่มต้นก่อนที่จะเป็นผู้ประกอบการต้องทำอะไรบ้าง ตั้งแต่การจดทะเบียนบริษัท การบัญชีและการเงินเบื้องต้นสำหรับธุรกิจ วิธีทำการค้าภายในประเทศ แล้วถึงต่อเนื่องไปยังหลักสูตรที่ 3 “ความรู้เบื้องต้นเรื่อง Logistics และ Supply Chain” โดยให้ผู้เรียนได้เข้าใจว่า เมื่อเราทำการส่งออก เราต้องมองหาช่องทางการส่งออก มีช่องทางไหนทั้งขนส่งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ขั้นตอนการส่งออกสินค้า การตั้งราคาและบริหารต้นทุนเพื่อการส่งออก รวมไปถึงปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออก ปัญหาและอุปสรรคของการส่งออกผ่านกรณีศึกษา โดยมีวิทยากรคือ คุณปณต บุณยะโหตระ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยในตลาดสำคัญๆ มามากกว่า 30 ปี

หลักสูตรที่ 4 “การวิเคราะห์การค้าระหว่างประเทศ” ได้วิทยากรอย่าง ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ผู้เชี่ยวชาญการตลาดจีน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน อดีตอัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงปักกิ่ง และอดีตกงสุล (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ นครเซี่ยงไฮ้ เป็นผู้สอน หลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้เรียนมองเห็นภาพองค์รวมของการส่งออก เทรนด์ของโลกในปัจจุบัน รวมไปถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ ที่มีผลต่อการส่งออก เพื่อให้ผู้เรียนได้ตระหนักว่า ไม่ใช่แค่เราอยากขายอะไร ก็ส่งออกได้ แต่ต้องรู้ว่าสินค้าเราเหมาะกับตลาดไหน และเข้าใจสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ด้วย ว่าหากส่งสินค้าไปขายประเทศนี้ สินค้าอะไรจะได้รับความนิยม เป็นต้น

ในหลักสูตรที่ 5 “การตลาด E-commerce และแพลตฟอร์มออนไลน์” บรรยายโดยวิทยากร 3 ท่าน ได้แก่ คุณนพดา อธิกากัมพู เจ้าของธุรกิจกระเทียมดำภายใต้แบรนด์ B-Garlic มีประสบการณ์ด้านการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์ในการขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ และได้รับรางวัล PM Export Award 2021 คนที่ 2 คุณธเธียร อนุจรพันธ์ Head of Strategic Partnership & Business of Amazon Global Selling Thailand หนึ่งในหน่วยธุรกิจของ Amazon ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทั่วโลกขยายฐานการค้าสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านการสร้างแบรนด์เพื่อยกระดับสู่สากล และการเข้าถึงลูกค้าที่ซื้อสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสของ Amazon ทั่วโลก และคุณเจริญ หิรัญตระกูล Partnership Manager, Payoneer Inc. ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดหาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจ B2B และอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซผ่านแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลกที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่นำประสบการณ์ตรงของผู้ส่งออกตัวจริงมาถ่ายทอดเป็น case study ให้ผู้เรียนได้เห็นภาพตั้งแต่เรื่องการส่งออก จนถึงแนะนำแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่สามารถทำให้การส่งออกง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

หลักสูตรที่ 6 “แนวคิดการทำธุรกิจสู่สากล: Internationalization” เป็นหลักสูตรใหม่ของปีนี้ จากคำแนะนำจาก คุณปณต บุณยะโหตระ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคุณอดุลย์ โชตินิสากรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ซังโกะ ไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอดีตทูตพาณิชย์ในหลากหลายประเทศ ทั้งสองท่านเป็นที่ปรึกษาของโครงการ ซึ่งท่านได้มองเห็นความสำคัญของคำว่า Internationalization เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับโลก มองความเป็นสากล มองให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก การตระหนักถึงพลังของ Soft Power ในการขยายอิทธิพลและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน เรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โอกาสการเปิดธุรกิจในต่างประเทศ จึงถือได้ว่าเป็นหลักสูตรที่จะจุดประกายความคิดให้ผู้เรียน ให้สามารถต่อยอดธุรกิจของตนเองในอนาคตต่อไปนั่นเองค่ะ

และนี่คือทั้ง 6 หลักสูตรของ โครงการในปีนี้ ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยากสนับสนุนและปูเส้นทางให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และบุคคลทั่วไปเข้ามาร่วมโครงการ โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐาน เพียงแค่มีความตั้งใจอยากทำธุรกิจเป็นของตนเอง มารับฟังแนวคิดและวิธีการเพื่อให้เกิดไอเดียนำไปประยุกต์กับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้วให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ยังไม่มีสินค้า ก็สามารถเรียนได้ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจ และนำความรู้ที่ได้มาเริ่มต้นธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งหากเรียนจบจากโครงการนี้ไป สถาบัน NEA ก็ยังมีโครงการเสริมความรู้ด้านอื่น ๆ รองรับ พร้อมให้คำแนะนำกับผู้ที่สนใจอีกด้วย นางอารดา เฟื่องทอง กล่าวเสริม

โดยหลังการอบรมจะมีการสอบประเมินผล เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ได้คะแนนสูงสุดหรือผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด มาต่อยอดพัฒนาศักยภาพและปั้นให้เป็นผู้ประกอบการที่มีความพร้อม สำหรับผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 500 ลำดับแรก จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมอบรมโครงการต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยสถาบัน NEA และ 100 ลำดับแรก จะได้รับสิทธิ์ในการพิจารณาเข้าร่วมฝึกงานกับองค์กรระดับประเทศ อาทิ True/ Huawei/ Bitkub/ EXIM Bank/ P&G/ SPVi/ DHL/ SVOA/ BOL รวมถึงสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ที่ตั้งอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการต่างๆ ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและพันธมิตรของโครงการ และที่สำคัญ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดของประเทศ จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็น Gen Z Ambassadors พร้อมรับสิทธิพิเศษและรางวัลมากมายจากพันธมิตร โดยทำหน้าที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่และประชาสัมพันธ์โครงการในปีต่อๆ ไป

ที่สุดของโอกาส ที่สุดแห่งการเป็น CEO อาจเป็นคุณ”กระทรวงพาณิชย์พร้อมเดินหน้าปั้น Gen Z รุ่นที่ 4 สู่การเป็น CEO ตัวจริง ภายใต้โครงการ From Gen Z to be CEO” ผู้ที่สนใจเข้าร่วมอบรมสามารถสมัครได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – มิถุนายน 2566 ได้ที่ https://fromgenztobeceo.com หรือติดตามกิจกรรมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/nea.ditp/