กรุงเทพ- ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง “ไฮคูล” ผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เล็งเห็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจยุครับนโยบายเปิดประเทศ โดยการบริการหลังการขายในส่วนของงานช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง ที่ต้องมีฝีมือ น่าเชื่อถือ อีกทั้งตลาดแรงงานขาดแคลนช่างเฉพาะทาง บวกกับวิกฤติโควิด-19 ทำให้คนว่างงานจำนวนมาก บริษัทจึงขอเข้าไปมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม หรือ CSR โดยได้รับร่วมมือจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัด “โครงการยกระดับเพื่อเพิ่มศักยภาพฝีมือและสมรรถนะแรงงาน หลักสูตรการติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์” เพื่อฝึกอบรมยกระดับมาตรฐานการบริการช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง ให้มีคุณภาพฝีมือการบริการที่สูงขึ้น ช่วยสร้างอาชีพใหม่ให้กับคนว่างงานเพื่อรองรับตลาดแรงงานที่ยังต้องการช่างด้านนี้อีกมากในอนาคต ผ่านองค์ความรู้ของบริษัทที่มีโนฮาว์จากประเทศ สหรัฐอเมริกา สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่า 36 ปี
คุณชลฑิชา วณิชชากรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานทั่วไป บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง “ไฮคูล” ฟิล์มกรองแสงที่ลูกค้าเลือกใช้เป็นอันดับหนึ่งทั่วประเทศ เปิดเผยว่า
“จากความก้าวล้ำของระบบเทคโนโลยีทำให้ชีวิตของผู้คนบนโลกนี้สามารถติดต่อเชื่อมโยงเข้าถึงการซื้อ-การขาย ผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงได้หมดทุกแบรนด์ ทุกรุ่น ดังนั้นสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจให้สามารถแข่งขันและครองใจผู้บริโภคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่อไปในอนาคต คือ เรื่องบริการหลังจากขายในส่วนของงานช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง ที่ต้องมีฝีมือเฉพาะทางที่ได้มาตรฐานระดับสูง มีคุณภาพ เชื่อถือได้ในการบริการติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้กับลูกค้าอย่างดี ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทต้องทำควบคู่กันไปทั้งในเรื่องของการออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ และ การบริการหลังการขายในส่วนของงานช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง
ดังนั้นในปี 2565 บริษัทจึงมีนโยบายเรื่องการบริการงานติดตั้งฟิล์มกรองแสง Hi-Kool Pro Service ในการจะยกระดับมาตรฐานช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้เกิดการบริการที่ดีและมีมาตรฐานที่สูงมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีฟิล์มกรองแสงที่ดีมีคุณภาพแล้วก็ควรทำให้ลูกค้าได้รับการบริการติดตั้งที่ดีมีคุณภาพเพื่อสร้างความพึ่งพอใจให้กับลูกค้าทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้าและการบริการควบคู่กันไป
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนเผชิญปัญหาตกงาน ว่างงาน จำนวนมาก ประกอบการตลาดแรงงานขาดแคลนช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง มีจำนวนช่างฝีมือไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เพราะเป็นช่างฝีมือเฉพาะด้านจำเป็นต้องผ่านการเรียนรู้ การฝึกอบรม ที่ถูกต้องถึงจะสามารถรับงานติดตั้งได้ดังนั้นบริษัท “ไฮคลู” องค์กรชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง มาอย่างยาวนานกว่า 36 ปี จึงมีความพร้อมอย่างมากในเรื่องของโนว์ฮาว ( Know-how) ในความรู้เกี่ยวกับการทำงานด้านการติดตั้งฟิล์มกรองแสงทั้งในงานรถยนต์ และ งานอาคาร ที่ได้รับการสั่งสมองค์ความรู้มาอย่างยาวนานจากประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการ Smart Service Project ภายใต้ชื่อ”โครงการยกระดับเพื่อเพิ่มศักยภาพฝีมือและสมรรถนะแรงงาน หลักสูตรการติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์” ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจาก สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13
กรุงเทพมหานคร สังกัด กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยรุ่นแรกได้รับฝึกอบรมไปเมื่อวันที่ 15-19 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 30 คน ระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง ตลอด 5 วันเต็ม
โดยเนื้อหาของการฝึกอบรมในโครงการ ฯ ดังกล่าว จะมีตั้งแต่ความรู้เรื่องฟิล์มกรองแสง, การเตรียมการติดตั้งฟิล์มกรองแสง, การลอกฟิล์มกรองแสงรถยนต์, การทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ฯลฯ นับเป็นหลักสูตรที่บริษัทได้มีการเรียบเรียงออกมาเป็นแบบเนื้อหาที่ลงรายละเอียดทุกขั้นตอนกระทั่งเทคนิคใหม่ ๆ ของการติดตั้งฟิล์มกรองแสง อาทิ เทคนิคการเป่าแห้ง แทน การใช้น้ำติดตั้งฟิล์มกรองแสง ทั้งหมดนี้ป็นองค์ความรู้ที่บริษัทต้องการถ่ายทอดลงไปเพื่อช่วยส่งมอบโอกาสดี ๆ ให้กับผู้คนที่สนใจอยากเข้ามาประกอบวิชาชีพด้านนี้ และ เป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานการทำงานของช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้มีคุณภาพฝีมือการบริการที่ดีและสูงขึ้นด้วย
เพราะที่ผ่านมา ผู้ที่สนใจอยากมาเป็นช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง ไม่สามารถหาแหล่งแห่งการเรียนรู้ในเรื่องนี้ได้ถ้าเทียบกับช่างฝีมือแรงงานอื่น ๆ เช่น ช่างซ่อมรถยนต์ ช่างตัดผม ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ จึงนับว่าเป็นโอกาสดีที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพราะบริษัทต้องการเข้าไปมีส่วนช่วยพัฒนาสังคม CSR ( Corporate Social Responsibility) ในฐานะที่ “ไฮคูล” เป็นองค์กรเอกชนมีความชำนาญและมีความสามารถในการพัฒนาบุคลกรผ่านการเพิ่มการฝึกอบรมทักษะพัฒนาฝีมือช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงทั้งในหมวดงานรถยนต์ และงานอาคาร เพื่อสร้างช่างติดตั้งให้มีฝีมือ พร้อมปฏิบัติได้จริง ไปสู่ร้านตัวแทนจำหน่ายในอนาคต โดยมีมาตรฐานควบคุมคุณภาพงานติดตั้งสมกับความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์มกรองแสงมากกว่า 36 ปี
นอกจากนี้ยังสามารถมีส่วนช่วยให้ผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ได้มีโอกาสตั้งตนชีวิตใหม่ผ่านการมีอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองต่อเดือนไม่ต่ำกว่าหลัก 10,000-20,000 บาท ขึ้นไป หรือ ถ้าจะรับทำเป็นแบบรายวันก็มีรายได้เฉลี่ย 1,000 บาท ต่อการติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์ต่อคันครั้งละ 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงดภาวการณ์ขาดแคลนแรงงานในส่วนของช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง